แชร์ประสบการณ์เข้าร่วมงาน DIGITECH ASEAN THAILAND 2024 | AI Connect
สวัสดีครับ POP จากบริษัท Classmethod (Thailand) ครับ
ครั้งนี้ผมจะมาแชร์บรรยากาศภายในงาน "DIGITECH ASEAN THAILAND 2024" ที่ได้ไปเข้าร่วมมา และรีวิวบูธที่ชอบอย่างบูธของ "บริษัท Baksters" ให้ทุกคนได้อ่านกันด้วย
DIGITECH ASEAN THAILAND 2024 คืองานเกี่ยวกับอะไร
งานแสดงสินค้าและสัมมนาด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลแห่งอาเซียน โอกาสครั้งสำคัญ! ที่คุณจะได้กลับมาเชื่อมต่อธุรกิจกับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและดิจิทัลอีกครั้ง
โดยภายในงานจะแบ่งออกเป็นหลายโซน ในแต่ละโซนจะจัดแสดงเทคโนโลยีเฉพาะทางที่แตกต่างกันออกไป เช่น โซน Business Software ที่ทางบริษัท Classmethod Thailand (คลาสเมธอด) ได้ไปออกนั้น จะเน้นจัดแสดงเรื่องของเทคโนโลยีและโซลูชั่นที่ใช้ในเชิงธุรกิจที่เน้นไปทาง AI ครับ
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ DIGITECH ASEAN THAILAND ได้ที่ลิงก์ด้านล่างนี้ครับ (เว็บไซต์มีการอัปเดต)
บูธ Classmethod Thailand
นี่เป็นการออกงานครั้งที่สองของผม โดยครั้งนี้จริงๆ ผมเป็น Exhibitor เหมือนกับปีที่แล้ว แต่ต้องลงทะเบียนเป็น Visitor เนื่องจากมีการจำกัดจำนวนคนที่ลงทะเบียนในฐานะ Exhibitor ของแต่ละบริษัทหรือบูธ ซึ่งพวกเราจะไปถึงสถานที่จัดงานเวลาประมาณ 9:00 น. (แล้วแต่วัน) ถ้ารถติดก็จะเลท (Late time) นิดหน่อย แล้วคนที่ลงทะเบียนในฐานะ Exhibitor จะสามารถเข้า Hall เพื่อเตรียมบูธได้เลย แต่สำหรับคนที่ลงทะเบียนเป็น Visitor จะเริ่มเข้างานได้ตั้งแต่เวลา 10:00 น. เป็นต้นไป ดังนั้นเพื่อนๆ ที่เป็น Exhibitor ก็ต้องเข้าไปก่อน ส่วนผมต้องรอเข้างาน 10:00 น. สำหรับผมแล้วถือเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก เพราะผมอยากเข้าไปช่วยเพื่อนๆ เตรียมบูธยังไงล่ะ 555
บูธ Classmethod Thailand ในปีนี้ได้แสดงเรื่องของเทคโนโลยีและโซลูชั่นเกี่ยวกับ AI Starter ที่ทางองค์ของ Classmethod เป็นผู้คิดค้นและสร้างขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้ AI ได้หลากหลายโมเดลและมีความปลอดภัยในด้านการป้องกันข้อมูลรั่วไหล นอกจากนี้ยังได้แนะนำ Amazon Web Services (AWS) ให้กับผู้ที่สนใจหรือกำลังใช้งาน AWS อยู่ด้วย ซึ่งผมไปเข้าร่วมงานนี้ในฐานะ Exhibitor เพื่อนำเทคโนโลยี AI Starter ที่ทำงานบน AWS Cloud มาโปรโมตให้ผู้ที่มาร่วมงานได้ทราบกันครับ
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัท Classmethod Thailand ได้ที่ลิงก์ด้านล่างนี้
บูธที่ชอบ
ภายในที่จัดงานกว้างมากและมีหลากหลายโซน ซึ่งผมก็มีโอกาสไปเดินเล่นในงานมาบ้าง แต่กว้างจนเดินเท่าไหร่ก็ไม่หมด แต่สุดท้ายก็เดินดูจนครบทุกบูธ แล้วก็มีบูธที่น่าสนใจเยอะแยะไปหมด แต่ผมจะขอหยิบยกบูธที่ผมชอบและได้แวะไปบ่อยที่สุดมาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกัน นั่นก็คือบูธของ บริษัท Baksters ครับ
บริษัท Baksters
สัมผัสพลังของ AI และโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลที่ได้รับการปรับปรุงด้วย Deep Machine Learning
บริษัท BAKSTERS เป็นบริษัทที่ให้คำปรึกษาและพัฒนาซอฟต์แวร์ในประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นในปี 2016 โดยมีผู้ร่วมก่อตั้งคือคุณ Tapanan Yeophantong และคุณ Pongpaichayont Thongchua ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์และมีความหลงใหลในการใช้เทคโนโลยีเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมทางธุรกิจ เราได้พัฒนาหลายโซลูชันที่รวมปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) เพื่อเสริมสร้างการเปลี่ยนแปลงไปสู่ธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล พร้อมทั้งมุ่งหวังที่จะตอบสนองความต้องการเฉพาะขององค์กรในทั้งภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม ภารกิจของเราภายใต้การนำของคุณ Tapanan Yeophantong คือการใช้เทคโนโลยีเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรม ปรับปรุงการดำเนินงาน และเสริมสร้างศักยภาพให้ธุรกิจเติบโตในยุคดิจิทัล
ด้วยประสบการณ์มากกว่า 20 ปีในด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ทีมพัฒนาซอฟต์แวร์ของเราได้ออกแบบและพัฒนาแพลตฟอร์ม Smart Vision ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนและนำการเปลี่ยนแปลงในโลกของเทคโนโลยี โครงการเรือธงของเราคือ Manavis และ Sondhana โดย MANAVIS เป็นเครื่องมือวิเคราะห์วิดีโอที่สามารถเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้าผ่านการมองเห็นด้วยคอมพิวเตอร์ ขณะที่ SONDHANA เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ข้อความที่วิเคราะห์ความคิดเห็นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ โดยใช้เทคโนโลยี NLP เพื่อเสนอข้อมูลเชิงลึกที่นำไปปฏิบัติได้สำหรับการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการ
Solutions ของบริษัท Baksters
Computer Vision Platform ที่มอบโซลูชันสำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกภายในอาคารทุกประเภท
บริษัท Baksters จะให้บริการ 4 Solutions ด้วยกันครับ
1. MANAVIS
MANAVIS เป็นโซลูชันการวิเคราะห์วิดีโอที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ธุรกิจสถานที่และค้าปลีกเพิ่มยอดขายโดยการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับลูกค้าโดยเน้นที่การไหลของลูกค้า พฤติกรรมของลูกค้า และการเดินทางของลูกค้า
2. FinalScan
FinalScan เป็นระบบตรวจสอบคุณภาพการผลิตในโรงงานที่ใช้ภาพเพื่อวิเคราะห์และตรวจจับข้อบกพร่องในผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้น ระบบนี้ช่วยให้โรงงานลดข้อผิดพลาดของมนุษย์ระหว่างกระบวนการตรวจสอบและเพิ่มประสิทธิภาพ
3. SONDHANA
SONDHANA เป็นแพลตฟอร์มวิเคราะห์ "voice of the customers" ที่ใช้โซลูชันวิเคราะห์ข้อความ/เสียงที่ออกแบบมาเพื่อให้ข้อมูลแบรนด์และลูกค้าอย่างชาญฉลาด ช่วยให้ผู้ใช้ทุกคนได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแบรนด์และชื่อเสียงส่วนบุคคล ความสนใจของลูกค้า และผลิตภัณฑ์มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
4. WaiJai
WaiJai เราเชื่อในการปกป้องสิ่งที่สำคัญที่สุดของ Waijai ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว บ้าน และสถานที่ทำงาน ระบบที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของเราช่วยเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพด้วยการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์สำหรับอันตรายและเหตุฉุกเฉิน ช่วยให้ลดความเสี่ยงได้อย่างรวดเร็ว โดยการตรวจสอบสภาพแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ระบบจะตรวจพบปัญหาและแจ้งให้พนักงานทราบ ทำให้มั่นใจได้ว่าจะได้รับการปกป้องเชิงรุกและดำเนินการอย่างคล่องตัวเพื่อให้โรงงานมีความปลอดภัยและมีประสิทธิผลมากขึ้น
แอปติดตามสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบวงจรสำหรับความปลอดภัย การดูแลสุขภาพ และความปลอดภัย
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัท Baksters ได้ที่ลิงก์ด้านล่างนี้
ความรู้สึกที่ได้เข้าร่วมงาน
นี่เป็นการออกบูธครั้งที่สองของผม แน่นอนว่าต้องมีการพูดคุยกับผู้ร่วมงานที่บังเอิญเดินผ่านมาอยู่ทั้งวันเพื่อแนะนำเทคโนโลยีและโซลูชั่นเกี่ยวกับ AI Starter ที่ทำงานบน AWS ให้ผู้เข้าร่วมงานได้ทราบกัน ซึ่งจะมีทั้งคนที่เกือบรู้จัก ไม่รู้จัก และไม่อยากจะรู้จักด้วยครับ โดยการเข้าร่วมงานครั้งนี้ก็ไม่ได้ตื่นเต้นหรือมีอะไรเป็นพิเศษ เพราะเคยมีประสบการณ์มาจากปีที่แล้ว ก็เลยรู้สึกว่าการเข้าหาหรือคุยกับผู้ที่เข้าร่วมงานนั้นง่ายขึ้น
นอกจากนี้สิ่งที่ผมรู้สึกชอบภายในงานคือจะมีเทคโนโลยีต่างๆ มากมายที่มาจากบริษัทในไทยและบริษัทต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี จีน ไต้หวัน อังกฤษ เป็นต้น โดยส่วนตัวผมเป็นคนที่ชอบเทคโนโลยีอยู่แล้ว ในระหว่างที่ผมได้เข้าร่วมงานออกบูธในฐานะ Exhibitor ผมได้มีโอกาสไปเดินดูทุกบูธ และพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้กับบูธที่ผมสนใจ แต่บูธที่ผมดูแล้วรู้สึกเฉยๆ ก็จะเดินจากไปอย่างไร้เยื่อใยครับ
บรรยากาศภายในงาน
ภายในงานเป็นงานแสดงสินค้าและสัมมนาด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลที่เน้นไปทาง AI ซะส่วนใหญ่ โดยมีผู้เข้าร่วมงานมากมายทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ แต่ละคนที่มางานนี้ส่วนใหญ่จะมาหาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อนำไปพัฒนาธุรกิจให้มีความก้าวหน้า หรืออาจจะเดินเข้าทุกบูธที่คิดว่าเห็นแล้วสนใจ แล้วพูดคุยเพื่อหาข้อมูลเป็นความรู้หรือเป็นทางเลือกในอนาคตครับ
สุดท้ายนี้
การไปงาน DIGITECH ASEAN THAILAND 2024 ของผมรอบนี้ต้องไปทั้ง 3 วันเลย ซึ่งในปีที่แล้วทาง DIGITECH ได้จัดงานปาร์ตี้เพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้กับผู้เข้าร่วมงานทุกคนได้มีโอกาสพูดคุยและแลกเปลี่ยนข้อมูลกันมากขึ้น แต่ปีนี้ไม่มีปาร์ตี้เลย น่าเสียดายมากๆ
นี่เป็นประสบการณ์ครั้งที่สองในการออกบูธของผมสำหรับงาน DigiTech และหวังว่าจะได้มีโอกาสเจอกันอีกนะครับ ขอบคุณครับ
POP (Tinnakorn Maneewong) จากบริษัท Classmethod (Thailand) ครับ !
บทความที่เกี่ยวข้อง
・desknet’s NEO ช่วยให้องค์กรทำงานสะดวกขึ้นยังไง? และแชร์ประสบการณ์เข้าร่วมงาน DIGITECH ASEAN THAILAND 2023
・แชร์ประสบการณ์เข้าร่วมงาน AWS Summit Bangkok 2024